เค้กวันเกิดจาก 3 ประเทศ สเปน, รัสเซีย และอเมริกา
ถ้าจะพูดถึงต้นกำเนิดของงานเลี้ยงวันเกิดในยุคปัจจุบัน คงต้องย้อนกลับไปที่ประเทศเยอรมนี ในช่วงปลายศตวรรษที่ 18 เพราะในยุคนั้นมีการจัดงานฉลองวันเกิดสำหรับเด็ก ๆ เรียกว่า “คินเดอร์เฟสต์ (Kinder Fest)” ขึ้น โดยกิจกรรมที่จัดในงานนี้จะมีการทำเค้กอวยพรวันเกิด มีการปักเทียนบนเค้กสองเล่ม เพื่อให้เด็ก ๆ ขอพรกันตั้งแต่ช่วงเช้า และทานเค้กด้วยกัน ในปัจจุบันประเพณีการจัดงานวันเกิดได้กระจายออกไปทั่วโลก และแต่ละประเทศก็จะมีการเพิ่มกิจกรรมบางอย่าง หรือมีการทำเค้กวันเกิดในแบบฉบับของประเทศตัวเองขึ้นมาแตกต่างกันออกไป
ซึ่งในวันนี้เราจะพาทุกคนไปเรียนรู้ประเพณีการจัดงานวันเกิด และเค้กวันเกิดอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะจาก 3 ประเทศด้วยกัน ได้แก่ สเปน, รัสเซีย และอเมริกา
“The Tarta de Santiago” เค้กอัลมอนด์ รสชาติแห่งวันเกิดของประเทศสเปน
มาเริ่มต้นกันที่ประเทศแรกอย่างประเทศสเปน เมืองแห่งท้องทะเลและแสงแดด ที่รุ่มรวยไปด้วยวัฒนธรรมและศิลปะ โดยการเฉลิมฉลองวันเกิดของประเทศสเปนจะเรียกว่า “Cumpleaños” เป็นวันที่เหล่าญาติพี่น้องและเพื่อนฝูงทุกคนจะมาร่วมแสดงความยินดีในงานเลี้ยงฉลองด้วย ซึ่งเจ้าของบ้านก็จะจัดเตรียมอาหารอร่อย ๆ ไว้รองรับ สำหรับประเพณีการจัดเตรียมเค้กวันเกิด คนสเปนมักจะทานเค้ก “The Tarta de Santiago” ในวันเกิดกัน โดยต้นกำเนิดของเค้กประเภทนี้ มาจากเมืองซานติอาโก เดอ คอมโพสเตลา (Santiago de Compostela) ของแคว้นกาลิเซีย ว่ากันว่าคนที่ทำเค้กนี้ขึ้นมาเป็นครั้งแรก คือพระสงฆ์ในมหาวิหารชื่อดังของเมืองในช่วงยุคกลาง เค้กนี้จึงมีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า “the St. James Cake”
ในส่วนของรสชาติ เค้ก The Tarta de Santiago จะมีรสชาติที่อร่อยหอมมันเข้มข้น และเป็นเอกลักษณ์มาก ๆ โดยเฉพาะเนื้อเค้กที่จะมีความนุ่มชุ่มชื่น ออกร่วนนิด ๆ แต่กินแล้วละลายในปากได้เลย เพราะทำขึ้นมาจากอัลมอนด์ แล้วปรุงรสด้วยมะนาว หรือจะใช้เป็นผิวส้มก็ได้ ก่อนจะเพิ่มความหวานตบท้ายด้วยการโรยผงน้ำตาล หรือบางคนอาจจะตกแต่งด้วยอัลมอนด์บด หรืออบเชยเพิ่มเติมแทน บอกเลยว่าถ้าใครเป็นคนรักอัลมอนด์ล่ะก็ วันเกิดปีนี้ต้องลองสั่งเค้กวันเกิดสไตล์สเปนมาลองทานกันดูแล้วล่ะ
เพิ่มความหวานให้วันเกิด ด้วย “Medovik” ฮันนี่เค้กแห่งประเทศรัสเซีย
ประเทศต่อมาที่เราจะพาไปส่องวัฒนธรรมการจัดงานวันเกิดกัน ก็คือประเทศรัสเซีย แต่เดิมงานฉลองวันเกิดของประเทศรัสเซีย จะถูกเรียกว่า“วันตั้งชื่อ” ซึ่งเป็นประเพณีทางศาสนาเก่าแก่ที่สามารถพบได้ทั่วไปในประเทศที่นับถือศาสนาคริสต์ โดยทุกคนจะได้รับการตั้งชื่อตามนักบุญประจำวันเกิด เพื่อเป็นเครื่องหมายว่าเด็กคนนั้นได้รับการต้อนรับเข้าสู่ชุมชนแล้ว โดยคนในสมัยนั้นจะยึดเอาวันตั้งชื่อเป็นวันแห่งการเฉลิมฉลอง มากกว่าวันเกิดจริง ๆ เพราะผู้คนยังไม่มีปฏิทินและไม่ทราบวันเกิดที่แน่นอน ในปัจจุบันผู้คนจะเน้นจัดงานวันเกิดตรงตามวันเกิดจริงของตัวเองมากกว่า แต่ก็ยังมีหลายครอบครัวที่เลือกเฉลิมฉลองในวันตั้งชื่ออยู่เช่นกัน สำหรับการจัดงานเลี้ยง ก็จะมีคนในครอบครัว และเพื่อน ๆ มาร่วมร้องเล่นเต้นรำกัน เหมือนกับงานเลี้ยงวันเกิดทั่วไป และมักเลี้ยงอาหารทุกคนด้วยอาหารรัสเซียแบบดั้งเดิม
ในส่วนของเค้กวันเกิดที่ชาวรัสเซียมักนิยมทานในวันเกิดกัน จะเรียกว่า “kolach” เป็นขนมปังรสหวาน ที่ถือว่าเป็นสัญลักษณ์ของความเจริญรุ่งเรืองและความโชคดี จนถึงช่วงศตวรรษที่ 18 ก็มีเค้กรูปแบบใหม่เข้ามาชิงตำแหน่งในใจคนรัสเซียไป นั่นก็คือเค้กน้ำผึ้งรสเด็ดอย่าง “Medovik” ที่คิดค้นโดยเชฟในราชสำนักของรัสเซีย โดยรสชาติของเค้กประเภทนี้ต้องถูกใจคนชอบน้ำผึ้ง และเค้กหวาน ๆ แต่ไม่เลี่ยนแน่นอน เพราะทันทีที่กัดเค้กเข้าปาก เราจะสามารถสัมผัสได้ถึงความเนียนละเอียดของเนื้อเค้กแต่ละชั้น และกลิ่นเนยได้ทันที เมื่อประกอบเข้ากับความหวานของน้ำผึ้งที่ตัดกับซาวร์ครีมรสเปรี้ยวอย่างลงตัว ก็ทำให้เค้กสมบูรณ์แบบเป็นอย่างมาก
“Red Velvet Cake” เค้กวันเกิดสีแดงกำมะหยี่ที่โด่งดังมาจากประเทศอเมริกา
ปิดท้ายการตามรอยงานวันเกิดกันที่ประเทศอเมริกา ประเทศต้นกำเนิดของเพลง “Happy Birthday to you” พอหลายคนเห็นว่าคนอเมริกาถึงขั้นแต่งเพลงเฉลิมฉลองงานวันเกิดขึ้นมาแบบนี้ แสดงว่าพวกเขาจะต้องอินกับประเพณีการจัดงานวันเกิดมาก ๆ และเค้กวันเกิดของประเทศนี้จะต้องน่าสนใจอย่างแน่นอน แต่ในความจริงแล้วประเพณีการจัดงานเลี้ยงวันเกิดของคนอเมริกาก็ไม่ได้แตกต่างไปจากประเทศอื่น ๆ ในแถบตะวันตกมากเท่าไร เช่น มีการมอบของขวัญ มีการกินเลี้ยง และร้องเล่นเต้นรำกันตามปกติ อีกทั้งยังเป็นประเทศที่รวบรวมคนจากหลายเชื้อชาติเข้าด้วยกัน จึงขึ้นอยู่กับแต่ละครอบครัวว่าอยากเพิ่มกิจกรรมอะไรเข้ามาเป็นพิเศษหรือไม่ รวมไปถึงเรื่องของเค้กวันเกิดเองก็มีหลากหลายแบบเช่นกัน
แต่หนึ่งในเค้กวันเกิดที่เราอยากแนะนำให้ทุกคนลองสั่งทานกันดู ก็คือเค้กเรดเวลเวท เค้กสีแดงกำมะหยี่ที่หอมกลิ่นโกโก้ และมีรสชาติเปรี้ยวอมหวานชวนน่าหลงใหลสุด ๆ โดยเหตุผลที่เราจับคู่เค้กเรดเวลเวทเข้ากับประเทศอเมริกา เพราะในประวัติศาสตร์อันลึกลับที่ไม่สามารถหาคำตอบถึงที่มาของสูตรเค้กเรดเวลเวทอย่างชัดเจนได้ กลับมีชื่อของ the Waldorf-Astoria Hotel โรงแรมชื่อดังของเมืองนิวยอร์กผุดขึ้นมา เนื่องจากโรงแรมแห่งนี้เป็นสถานที่ที่ทำให้ผู้คนนิยมทานเค้กเรดเวลเวท และทำให้เค้กรสชาตินี้โด่งดังขึ้นมานั่นเอง ซึ่งเราขอแอบกระซิบเพิ่มเติมว่า เค้กเรดเวลเวทยังเหมาะกับคนมีความรักด้วยนะ ถ้าใครอยากสั่งเค้กวันเกิดแฟน หรืออยากสารภาพรักกับใครล่ะก็ ให้สั่งเค้กวันเกิดเป็นเค้กเรดเวลเวทได้เลย
เป็นอย่างไรกันบ้างกับประวัติศาสตร์การจัดงานวันเกิดและประเพณีต่าง ๆ จากทั้งสามประเทศที่เรานำมาแบ่งปันกัน เชื่อว่าทุกคนคงทราบกันแล้วว่าแต่ละที่เขาจัดเตรียมเค้กแบบไหนมาทานในวันเกิดสุดพิเศษของตัวเองกัน สำหรับประเทศไทยเองก็มีประเพณีการจัดงานวันเกิดหลากหลาย แถมยังมีเค้กมากมายให้สั่งกันด้วย สำหรับวันเกิดปีนี้ หากใครที่กำลังมองหาร้านเค้กที่มีเค้กให้เลือกสรรอย่างหลากหลาย ทาง Plaavy Dessert Café พร้อมรับทุกออเดอร์ ไม่ว่าคุณจะอยากได้ birthday cake แบบใด ก็สามารถบอกเราได้เลย
เค้กวันเกิด รับสั่งทำเค้ก ติดต่อ Plaavy Dessert Cafe